หนึ่งในตำนานผู้รักษาประตูทีมอินทรีเหล็ก และ อาร์เซน่อลยุคไร้พ่าย”เยนส์ เลห์มันน์”

เยนส์ เลห์มันน์ ตำนานนายด่านที่เป็นหนึ่งในขุพลอินทรีเหล็กเยอรมัน และอาร์เซน่อล โดดเด่นจนได้รับรางวัลประจำทัวร์นาเม้นหมายหลายต่อหลายครั้ง เลห์มันน์ เกิด 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1969 เขาได้รับการโหวตให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรยูฟ่าในฤดูกาล 1996–97 และ 2005–06

นอกจากนี้เขายังครองสถิติการเก็บคลีนชีตติดต่อกันมากที่สุดในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกโดยไม่เสียประตูแม้แต่ประตูเดียวใน 10 นัดติดต่อกันในช่วงที่เขาเล่นให้กับ อาร์เซนอล นั่นเอง

เลห์มันน์ เริ่มอาชีพของเขากับ ชาลเก้ 04 ประเดิมสนามครั้งแรกปี 1988 จากนั้นเจ้าตัวก็เป็นแกนหลักของทีม ราชันย์สีน้ำเงินอย่างต่อเนื่อง จนเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมที่พาต้นสังกัด ชาลเก้04 เลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีก้าได้สำเร็จใน 1991






เลห์มันน์ ค้าแข้งกับ ราชันย์สีน้ำเงินมานานถึง 10 ปี ลงสนามไปมากกว่า 270 นัด โดยหนึ่งในนั้นพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่าคัพ ได้อีกด้วยในปี 1996-97 พร้อมกันนั้น เลห์มันน์ ยังพาตัวเองไปคว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของฟีฟ่าในปี 1997 อีกด้วย

ต่อมาในปี 1998 เลห์มันน์ ย้ายข้ามฝั่งมาค้าแข้งกับยอดทีมในอิตาลี อย่าง เอซี มิลาน แต่ทว่าหลังจากย้ายมา ไม่ได้สวยงานเหมือนที่เขาใฝ่ฝันเอาไว้เพราะต้องทนทุกกลายเป็นผู้รักษาประตูสำรองต่อจาก คริสเตียน อาเบียติ และ เซบาสเตียโน่ รอสซี่ จนทำให้เขาต้องดันทุลังย้ายสโมสรอีกครั้งและได้ย้ายกลับมายังลีกบ้านเกิดกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

จนเป็นช่วงในการกลับมาที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมอีกครั้ง จนเจ้าตัวได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งนายทวารที่ดีที่สุดในบุนเดสลีกาอีกด้วย นั่นจึงทำให้เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นของ ดอร์ทมุนด์ พาทีมจนคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ปาดหน้า บาเยิร์น มิวนิค ไปในฤดูกาล 2001-02 อีกด้วย

หลังจากที่ค้าแข้งกับ เสือเหลือง ดอร์ทมุนด์ ไปจนเต็มอิ่มถึง 5 ฤดูกาล ช่วงซัมเมอร์ปี 2003 เลห์มันน์ ที่ในวัย 34 แล้วได้ย้ายไปยังเกาะอังกฤษ เล่นให้กับ อาร์เซน่อล ด้วยการชักจูงของ อาร์แซน เวงเกอร์ เพื่อไปเป็นตัวแทนของ เดวิด ซีแมน ที่อยู่ช่วงโรยราและกำลังจะย้ายออกจากทีม

หลังจากเข้ามาอยู่กับ อาร์เซน่อล ทั้งแฟนบอลและกูรูหลายแขนงต่างคาดหวังว่าเขาจะสามารถทำได้ดีอย่างกับ เดวิด ซีแมน ได้หรือไม่ แต่เจ้าตัวก็สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างคงเส้นคงวาเหลือเหลือเชื่อมากๆเมื่อในปี 2003-04 เขาเป็นส่วนหนึ่งในการพา อาร์เซน่อล จบฤดูกาลด้วยแชมป์ลีก และสามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองแบบไร้พ่ายจนเป็นที่ฮือฮาของวงกาลฟุตบอลที่ยังไม่เคยมีทีมไหนทำได้สำเร็จ

ในปี 2008 หลังจากอิ่มตัวกับ อาร์เซน่อล และหมดสัญญา เขากลับไปเล่นยังลีกบ้านเกิดอีกครั้ง โดยครั้งนี้ย้ายไปซบตักทัม สตุ๊ตการ์ด ก่อนที่จะอยู่ที่นั่น 2 ปี และประกาศแขวนถุงมือไปในที่สุด

ในปี 2010 กับวัย 41 ปี และหลังจากแขวนถุงมือไปได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น เลห์มันน์ ถูก อาร์เซน่อล เรียกมาช่วยงานช่วงคราวในสัญญาระยะสั้น ในช่วงที่เดอะ กันเนอร์ ประสบปัญหาผู้รักษาประตูเจ็บไปทั้งทีม

ส่วนในสีเสื้อทีมชาติ เยอรมัน เจ้าตัวถูกเรียกติดทีมชาติไปตั้งแต่ปี 1998 ในครั้งนั้นไปเป็นผู้รักษาประตูมือสองรองจาก โอลิเวอร์ คานน์ ยอดผู้รักษาประตูของ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งต้องใช้เวลาถึงหลายปีเลยทีเดียวกว่าจะยึดมือหนึ่งต่อจาก คานน์ ได้สำเร็จ




และในปี 2006 เขาพาทีม อินทรีเหล็กคว้าตำแหน่งที่สามในทัวร์นาเม้นท์ได้อย่างยอดเยี่ยมจนพาตัวเองติดหนึ่งในทีมชุดที่ดีที่สุดในบอลโลกครั้งนั้น พร้อมคว้าผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของ ยูฟ่า อีกหนึ่งสมัยไปอย่างชื่นมื่น ด้วยเป็นผู้รักษาประตูยอดนักสู้ที่พัฒนาฝือจนขึ้นแท่นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดจึงกลายเป็นตำนานของวงกาลฟุตบอล

เกียรติประวัติ
ชาลเก้04
ยูฟ่าคัพ: 1996–97
รองแชมป์ บุนเดสลีกา: 1990–91
เอซี มิลาน
แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา : 1998–99
ดอร์ทมุนด์
แชมป์ บุนเดสลีกา: 2001–02
รองแชมป์ยูฟ่า คัพ: 2001–02
อาร์เซน่อล
พรีเมียร์ลีก: 2003–04[74]
แชมป์ เอฟเอ คัพ: 2004–05
แชมป์ เอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์: 2004
รองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก : 2005–06
ทีมชาติเยอรมัน
รองแชมป์ฟุตบอลโลก : 2002; อันดับที่สาม: 2006
รองแชมป์ยูฟ่า ยูโรเปียนแชมเปียนชิป: 2008
ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ อันดับสาม: 2005
ส่วนตัว
อิคเกอร์ บุนเดสลีกา ทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล: 1995–96
ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า: 1997, 2006
ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของยูฟ่า คลับ ฟุตบอล: 2005–06
ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ ออล-สตาร์ ทีม: 2006

images credit : https://www.bundesliga.com/

images credit : https://twitter.com/

images credit : https://www.welt.de/

images credit : https://www.stuttgarter-nachrichten.de/

images credit : https://www.mirror.co.uk/

images credit : https://www.uefa.com/

images credit : https://www.dailymail.co.uk/

images credit : https://www.storiedipremier.it/