อลัน ฮันเซ่น กองหลังระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล ที่คว้าแชมป์ลีกกับหงส์แดงมากถึง 8 ครั้งในอาชีพ

อลัน ฮันเซ่น ชื่อเต็มว่า อลัน เดวิด ฮันเซ่น กองหลังตำนานของลิเวอร์พูล เกิด 13 มิถุนายน 1955 เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวสกอตแลนด์ และผู้สันทัดกรณีลูกหนังของ บีบีซี เทเลวิชั่น เขาเคยเล่นให้กับทั้งสโมสร พาร์ทิค ธิสเทิ่ล, ลิเวอร์พูล และทีมชาติสกอตแลนด์ โดยในปี 1990 เขาเป็นนักเตะคนแรกที่ความแชมป์ลีกฟุตบอลอังกฤษในฐานะนักฟุตบอลชาวสกอตแลนด์

ฮันเซ่น มีโอกาสได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย อเบอร์ดีน และเขากับพี่ชายได้เข้าร่วมกับสโมสร พาร์ทิค ธิสเทิ่ล ฮันเซ่น ได้มีส่วนร่วมในเกมชิงชนะเลิศ สกอตติช ลีกคัพ ในปี 1971 เขาเล่นในตำแหน่งกองหลังตัวกลางให้กับ พาร์ทิค ธิสเทิ่ล หลังจากที่เข้าสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทีม ฮันเซ่น ได้ถูกจับตามองจากหลายสโมสรชั้นนำ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ บ็อบ เพียสลี่ย์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ในตอนนั้น

แฮนเซ่น ได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ 35 เกมให้กับ พาร์ทิค ธิสเทิ่ล ก่อนจะย้ายมาสู่ทีมบิ้กเนมอย่าง ลิเวอร์พูล ทีมชั้นนำของลีกสูงสุกประเทศอังกฤษ แฮนเซ่น มีค่าตัวกับลิเวอร์พูล 100,000 ปอนด์ เขาลงเล่นประเดิมสนามครั้งแรก ในวันที่ 24 กันยายน ปี 1977 ในเกมลีกที่แอนฟิลด์ พบ “แกะเขาเหล็ก”ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ประตูแรกที่เขาทำให้กับทีม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 1977 ในปีเดียวกัน






ในฤดูกาลถัดไป ฮันเซ่น ได้อยู่ในทีมชุดแชมป์ลีกฤดูกาล 1978-79 โดยในฤดูกาลนั้น ซึ่งเขาได้รับความไว้วางใจให้เป็น เซ็นเตอร์แบ็ก ตัวเลือกแรกของ ลิเวอร์พูล ยาวต่อเนื่องจนถึงฤดูกาล 1979-80 ที่พวกเขาได้เป็นแชมป์สองสมัยติดต่อกัน ในซีซั่น 1980-81 “หงส์แดง” หลังคว้ารางวัลถึงสองถ้วย แต่ไม่สามารถรักษาแชมป์ลีกได้ โดยเสียแชมป์ให้กับ แอสตัน วิลล่า ในปีนั้น โดยในฤดูกาล 1981-82 แชมป์ลีกสูงสุดก็กลับมาสู่ถื่น แอนฟิลด์ อีกครั้ง แถมยังรักษาแชมป์ ลีก คัพ ด้วยการเอาชนะ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 3-1 แต่อย่างไรก็ดี ฮันเซ่น ไม่สามารถลงรับใช้ทีมในเกมนี้ได้ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ

ในฤดูกาล 1982-83 ลิเวอร์พูล สามารถรักษาแชมป์ลีกสูงสุด และศึก ลีก คัพ ได้ ด้วยการเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ในรอบชิงชนะเลิศ ที่สนาม เวมบลี่ย์ ซึ่งหลังจากนั้น บ็อบ เพียสลี่ย์ ผู้ที่เซ็นสัญญาคว้าตัว ฮันเซ่น มาร่วมทีมในปี 1977 ได้ ลาออกจากตำแหน่งหลังจากจบฤดูกาล 1982-83 และได้แต่งตั้ง โจ ฟาแกน รับหน้าที่ผู้จัดการทีมแทน

ในฤดูกาล 1983-84 ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จ ด้วยการคว้าทริปเปิลแชมป์ ในฤดูกาลแรกของ ฟาแกน ในฐานะผู้จัดการทีม ได้แก่ แชมป์ลีก, ลีก คัพ และ ยูโรเปี้ยน คัพ โดย ฮันเซ่น มีส่วนร่วมกับทุกเกมที่ได้แชมป์ ลิเวอร์พูล ได้ครองบัลลังค์แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 1984 หลังจากเอาชนะยอดทีมจากโรมาเนียอย่าง ดินาโม บู คาเรสต์ ด้วยสกอร์รวม 3-1 ในรอบรองชนะเลิศ ทะลุเข้าไปชิงชนะเลิศกับ “หมาป่า” โรม่า และก็เป็นทางด้าน ลิเวอร์พูล ที่สามารถเอาชนะไปด้วยการยิงจุดโทษ หลังจากเสมอกันในเวลา 1-1 คว้าแชมป์ได้ในที่สุด

ในฤดูกาล 1984-85 ลิเวอร์พูล ไม่ได้แชมป์รายการใดๆติดมือเลย แถมยังถูกแบนในรายการยุโรป จากกรณีแฟนบอลทะเลาะกันระหว่างเกม ลิเวอร์พูล พบกับ ยูเวนตุส จนถึงขั้นเสียชีวิตไปถึง 39 ราย ซึ่ง “เจ้าม้าลาย” เอาชนะไปได้ 1-0 เขี่ย ลิเวอร์พูล ตกรอบไป และยังถูกแบนห้ามลงแข่งขันรายการนี้ในปีถัดไปอีกด้วย






หลังจากผ่านเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ เฮย์เซล ทำให้ โจ ฟาแกน ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง และทำให้เพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง เคนนี่ ดัลกิลช รับหน้าที่ผู้เล่น-ผู้จัดการทีมในขณะนั้น เขาได้มอบปลอกแขนกัปตันทีมให้กับ ฮันเซ่น และในปี 1986 ซึ่งเขาได้มีโอกาสชูถ้วยแชมป์ถึงสองครั้งในฐานะกัปตันทีม ด้วยการเป็นแชมป์ลีกสูงสุด และแชมป์ เอฟเอ คัพ

ฮันเซ่น ไม่สามารถลงเล่นในรายการใดได้เลย ในระหว่างฤดูกาล 1990-91 เพราะอาการบาดเจ็บรบกวนต่อเนื่อง และตัดสินใจแขวนสตั๊ดในเดือนมีนาคม 1991 หนึ่งเดือนหลังจากที่ เคนนี่ ดัลกลิช ได้เซ็นสัญญาเป็นผู้จัดการทีม โดย ฮันเซ่น สร้างชื่อในอาชีพการค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล ได้แก่ แชมป์ลีก 8 สมัย, ยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย และลีก คัพ 4 สมัย

เกียรติประวัติ
พาร์ทิค ธิสเทิ่ล(สกอตแลนด์)
-ดิวิชั่น 1 ของสกอตแลนด์: 1975–76
ลิเวอร์พูล(อังกฤษ)
-ดิวิชั่น 1(ลีกสูงสุดอังกฤษยุคก่อน): 1978–79, 1979–80, 1981–82, 1982–83, 1983–84, 1985–86, 1987–88, 1989–90
-เอฟเอคัพ: 1985–86, 1988–89
-ลีกคัพ: 1980–81, 1981–82, 1982–83, 1983–84
-ขาร์ลิตี้ ชิลด์: 1977, 1979, 1980, 1982, 1986, 1989
-ฟุตบอลลีกซูเปอร์คัพ: 1986
-ถ้วยยุโรป: 1977–78, 1980–81, 1983–84
-ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ: 1977

credit : https://sportmob.com/

images credit : https://sportmob.com/

images credit : https://www.thisisanfield.com/

images credit : https://www.google.com/

images credit : https://www.liverpoolecho.co.uk/