สุดยอดตำนานที่แฟนแมนฯยูไม่มีวันลืม “เพชฌฆาตคอปก” เอริค คันโตน่า

อีกหนึ่งตำนานนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฉายา “เพชฌฆาตคอปก” หรือ “กองโต้” ตำแหน่งกองหน้า เขาผู้นั้นคือ เอริค คันโตน่า ชาวฝรั่งเศส

คันโตน่า เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 1966 เสื้อหมายเลข 7 พร้อมปกคอตั้งคือเครื่องหมายการค้าของเขา คันโตน่า เริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสร โอลิมปิก มาร์กเซย ประเทศบ้านเกิด เขาเป็นคนที่ค่อนข้างหัวเสียง่าย มีอารมณ์ร่วมในเกมเสมอ

คันโตน่า ย้ายสู่ บอร์กโดซ์ ด้วยสัญญายืมตัว หลังจากนั้นก็ได้ย้ายไปเล่นให้กับ มงเปลลิเย่ร์ ซึ่งเขาได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์ เฟร้นช์ คัพ เป็นครั้งแรก ก่อนจะถูก มาร์กเซย์ ดึงตัวกลับมา แต่ เขาก็ยังถูกขายให้กับ นีมส์ ในที่สุด

เขาเริ่มต้นประสบความสำเร็จในอาชีพค้าแข้งด้วยการคว้าแชมป์กับ มาร์กเซย ในปี 1991 และมีโอกาสติดทีมชาติเกือบ 50 เกม เขามาทดสอบฝีเท้ากับสโมสร เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ตอนอายุ 25 ปี ก่อนที่จะได้รับความสนใจจาก ฮาเวิร์ด วิลกินสัน ผู้จัดการทีม ลีดส์ ยูไนเต็ด ในเวลานั้น และการพาทีมยูงทองคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ในฤดูกาล 1991-92 ก็น่าจะบ่งบอกอะไรได้บ้างถึงฝีเท้าของเขา

ช่วงเปิดฤดูกาลต่อมา เขาทำแฮตทริคใส่ ลิเวอร์พูล ในเกม แชริตี้ ชิลด์ จากนั้น ปี 1992 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็คว้าตัวเขามาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 1.2 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะ คันโตน่า พร้อมลงสนามสร้างผลงานทันทีด้วยร่างกายที่ฟิตปั๋ง

เขาสร้างความตื่นตาตื่นใจในสนามได้ในแบบเดียวกับที่ จอร์จ เบสต์ เคยทำเอาไว้เมื่อ 2 ทศวรรษก่อนหน้านั้น เขาถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ขาดหายไปของทีม และการเข้ามาของ คันโตน่าพร้อม 9 ประตูที่เขาทำได้จากการลงเล่น 22 เกมในลีกก็ช่วยให้คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้ในฤดูกาล 1992-93

ตลอดทั้ง 4 ฤดูกาล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็พลาดคว้าแชมป์ลีกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่มีเขาอยู่ในทีมด้วย คันโตน่า ไม่ได้มีแค่ความสามารถทางเทคนิคที่มาพร้อมกับความคิดสร้างสรรค์เท่านั้น เขายังมีคุณสมบัติของความเป็นผู้นำด้วย เขามีอิทธิพลต่อทุกคนทั้งกับนักเตะ และแฟนบอล หากเขาคิดว่าอะไรเป็นไปได้แล้ว คุณก็จะเชื่อมั่นอย่างนั้นตามไปด้วย

คันโตน่า หลังจากที่ถูกแบน 9 เดือนจาก เอฟเอ กรณีกระโดดคิกใส่แฟนบอล คริสตัล พาเลซ ที่ เซลเฮิร์สท พาร์ค เขาก็ต้องไปบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะเป็นเวลา 120 ชั่วโมง และเมื่อเขากลับมาลงเล่นในเกมกับ ลิเวอร์พูล ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อเดือนตุลาคม เขาก็ทำประตูได้จากลูกจุดโทษในทันที

คันโตน่านั้นประสานงานได้อย่างลงตัวกับนักเตะรุ่นน้องอย่าง เดวิด เบ็คแฮม, ไรอัน กิ๊กส์ รวมถึง รอย คีน และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็กลายเป็นทีมที่ยากจะต้านทานในฤดูกาล 1995-96 คันโตน่า ทำประตูไป 19 ลูกรวมทุกรายการ เขาทำสถิติยิงในพรีเมียร์ ลีก ได้ 6 เกมติดต่อกันช่วงเดือน มีนาคมถึงเมษายน ด้วย

โดยตอนนั้นทีมปีศาจแดงกำลังขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และก็เป็น คันโตน่า อีกครั้งที่มาสร้างชื่อที่เวมบลีย์ เป็นนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ กับ ลิเวอร์พูล เขาทำประตูชัยให้ทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 2 ถือเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาในการค้าแข้งที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เลยก็ว่าได้

ช่วงจบฤดูกาล 1996-97 ทีมคว้าแชมป์ลีกได้อีกครั้ง แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังในถ้วยยุโรปเมื่อร่วงตกรอบรองชนะเลิศ และ คันโตน่า ก็ออกมาประกาศแขวนสตั๊ดแบบช็อคแฟนบอล จนทุกวันนี้ ชื่อ เอริค คันโตน่า เป็นตำนานของแมนฯยูที่ยากจะลืมได้

ในส่วนทีมชาติ คันโตนาเป็นที่ชื่นชอบของ มิเชล พลาตินี่ ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมชาติในขณะนั้น ซึ่งพลาตินี่พูดถึง คันโตนาว่า เขาจะต้องเลือก คันโตน่า เป็นหนึ่งในขุนพลอย่างแน่นอน ถ้ายังเล่นได้อย่างสุดยอดเช่นนี้ พลาตินี่ เป็นอีกคนหนึ่งที่ริเริ่มความคิดการเล่นฟุตบอลในอังกฤษให้กับ คันโตน่า

ภายหลังล้มเหลวจากศึกยูโร 92 ที่ประเทศ สวีเดน พลาตินี่ ก็ได้ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งขณะนั้น ฝรั่งเศส มีคู่ศูนย์หน้า คือ คันโตน่า และ ฌอง-ปิแอร์ ปาแปง ผู้ที่เข้ามารับงานต่อจาก พลาตินี่ ก็คือ เชราร์ อุลลิเย่ร์

อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศส ไม่สามารถผ่านรอบคัดเลือกไปเล่นฟุตบอลโลกที่ สหรัฐอเมริกาได้ในอีกสองปีต่อมา หลังจากที่แพ้บัลแกเรียคาบ้าน 2 ต่อ 1 ซึ่งฝรั่งเศส ต้องการเพียงแค่ผลเสมอ ในเกมนั้น ดาวิด ชิโนล่า ทำบอลเสียนำไปสู่การได้ประตูชัยของ บัลแกเรีย โดย เอมิล คอสตาดินอฟ ทำให้คันโตน่าโกรธ ชิโนล่า มาก หลังเกมนั้น อุลลิเย่ร์ ลาออกจากตำแหน่ง ทำให้ ไอเม่ ฌักเก้ต์ เข้ามาสานงานต่อ

สองปีต่อมา ฝรั่งเศส ผ่านเข้าไปเล่นในยูโร 96 ที่ อังกฤษ ได้สำเร็จ ซึ่ง ฌักเก้ต์ ได้ทำการปรับปรุงทีม โดยใช้ผู้เล่นสายเลือดใหม่สองสามคน หนึ่งในนั้นก็คือ มิดฟิลด์จอมทัพซึ่งมีลีลาการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจและมีความเป็นผู้นำสูงอย่าง ซีเนดีน ซีดานโดย คันโตน่า ถูกหมางเมินตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

คันโตน่า ประกาศเลิกเล่นตอนสิ้นปี 1997 ก็เพราะว่า ต้องการหลีกเลี่ยงแรงกดดันที่ ฌักเก้ต์ และ ทีมชาติฝรั่งเศสต้องเผชิญจากการที่ไม่เลือกเขาร่วมทีมนั่นเอง
เกียรติยศ
ลีดส์ ยูไนเต็ด
ฟุตบอลลีกเฟิสต์ดิวิชัน: 1991–92
เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์: 1992
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก: 1992–93, 1993–94, 1995–96, 1996–97
เอฟเอคัพ: 1993–94, 1995–96
เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์: 1993, 1994, 1996
ส่วนตัว
หอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก : 2021
หอเกียรติยศฟุตบอลอังกฤษสมัยเเรก : 2002
บัลลงดอร์ – อันดับ3 : 1993
การเสนอชื่อเข้าชิงบัลลงดอร์ : 1993 , 1994 , 1996
ผู้เล่นแห่งปีเซอร์แมตต์ บัสบี : 1993-94, 1995-96
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ : 1994
นักฟุตบอลแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอล : 1995-96
ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกของพีเอฟเอ : 1993-94
ทีมพีเอฟเอแห่งศตวรรษ : 1907–2007
รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีก : มีนาคม 1996
ฟีฟ่า 100 : 2004

credit : https://www.planetfootball.com/

images credit : https://www.planetfootball.com/

images credit : https://www.mirror.co.uk/

images credit : https://weallfollowunited.com/

images credit : https://www.joe.co.uk/

images credit : https://www.quora.com/

images credit : https://www.adverts.ie/

images credit : https://www.beinsports.com/