หนึ่งตัวเทพฟุตบอล ฮอลแลนด์ ที่หลุยห์ ฟานกัล ยกให้เป็นกองหน้าที่ดีที่สุดที่เขาเคยร่วมงาน

แพทริค ไคล์เวิร์ต กองหน้าตัวเทพของ บาร์เซโลน่า ในยุครุ่งเรืองสุดขีด มีชื่อเต็มว่า แพทริค สเตฟาน ไคล์เวิร์ต เกิด 1 กรกฎาคม ปี 1976 ณ เมืองหลวงของประเทศ เนเธอร์แลนด์ ตั้งแต่วัยเด็กเขาใฝ่ฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลและเข้าเรียนที่โรงเรียนฟุตบอลของ อาแจ็กซ์ซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การแข่งขันสำหรับสถานที่ในโรงเรียนเป็นไปอย่างบ้าคลั่ง ในแต่ละปี โค้ชเลือกคนเพียงไม่กี่โหลจากจำนวนหลายพันคน และเขาก็คือหนึ่งในนั้น

ไคล์เวิร์ต ถูกรับเลือกให้เป็นนักเตะในอะคาเดมี่ของ อาแจ็กซ์ หลังผ่านคัดเลือกเข้ามา แม้ฝีเท้าในตอนนั้นของเขายังถือว่าธรรมดามาก หากเทียบกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ไม่โดดเด่น แต่ก็ไม่ขี้เหร่ เขาเล่นบอลได้ตามที่โค้ชวาดหวังเอาไว้ได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

ผ่านมาจากการทดสอบฝีเท้า 9 เดือนเต็ม ไคล์เวิร์ต ถูกดันขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ ทั้งทั้งที่ชุดนั้นมาดาราดังอยู่มาดมายอยู่แล้ว ทั้ง ยาร์รี่ ลิมาแน่น, คาเร้นท์ ซีดอฟ, มาร์ก โอเวอร์มาร์ล จึงไม่ใช่เรื่อง่ายที่เขาจะแจ้งเกิดในทีมชุดนี้ได้

จนครั้งหนึ่งในปี 1994-95 ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ผ่านเข้ามาสู่นัดชิงชนะเลิศ ได้สำเร็จ และต้องชิงดำกับยักษ์ใหญ่อย่าง เอซี มิลาน ของ อิตาลี ในครั้งนั้น ไคล์เวิร์ต เป็นแค่ตัวสำรองของทีม อาแจ็กซ์ แต่ทว่าเกมในครึ่งแรกออกมาอย่างจืดชืด ไม่สามารถพังประตูกันได้ จนครึ่งหลังผ่านมาครึ่งทาง ในนาที 69 กุนซือในตอนนั้นคือ หลุยห์ ฟานกัล ได้ทำการเปลี่ยนตัวเพื่อมองถึงชัยชนะให้ได้ โดยการส่ง แพทริค ไคล์เวิร์ต ลงสนามไปแทนที่ ยาร์รี่ ลิมาแน่น




จากนั้นเกมยังคงดำเนินต่อไปจนถึง 5 นาทีสุดท้าย และเวลาที่แข้งที่ชื่อ ไคล์เวิร์ต ได้แจ้งเกิดเต็มตัวก็มาถึง จังหวะที่อาแจ็กซ์ ทำการต่อบอลขึ้นมาอย่างรวดเร็วในจังหวะโต้กลับ เป็นการประสานงานระหว่าง แพทริค ไคล์เวิร์ต, เอ็ดการ์ ดาวิด, มาร์ก โอเวอร์มาร์ล, แฟร้งค์ ไรการ์จ และคนรับบอลในกรอบคนสุดท้ายเป็น แพทริค ไคล์เวิร์ต เขาพลิกตัวกระชากแล้วจิ้มบอลผ่านมือโกล เอซี มิลาน อย่าง เซบาสเตียโน รอสซี่ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม และนั่นเองคือจุดพีคที่ทำให้สโมสรใหญ่ทั่วยุโรปเริ่มจับตามองเด็กคนนี้

และประตูนี้เองทำให้ ไคล์เวิร์ต พา อาแจ็กซ์ คว่าแชมป์ ยูซีแอล 1994-95 ไปครองได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะ เอซี มิลาน 1-0 และกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อนที่สุดในรายการแชมเปี้ยนส์ ลีก ไปในทันทีอีกด้วย ในวัย 18 ปีเท่านั้น หลังจากนั้น ชื่อของ แพทริค ไคล์เวิร์ต ก็ได้กลายเป็นแข้งคนสำคัญของทีมชุดใหญ่ของ อาแจ็กซ์ มาโดยตลอดและพาทีมคว้าแชมป์ลีกมาอย่างมากมาย เขาอยู่กับ อาแจ็กซ์ ทั้งหมด 4 ฤดูกาล 1994–1997 และในปี 1997 สโมสร เอซี มิลาน ก็ได้ซื้อตัว ไคล์เวิร์ต เข้าไปร่วมทีม อย่างไรก็ตาม เขาลงเล่นที่ มิลาน ได้เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น เพราะไม่สามารถปรับเข้ากับสไตล์ของบอลอิตาลีได้

จากนั้น เอซี มิลาน ก็ขายต่อไปให้กับ บาร์เซโลน่า ในปี 1998 ค่าตัว 8.75 ล้านปอนด์ และการย้ายมาอยู่ที่นี่ ไคล์เวิร์ต ได้กลับมาร่วมงานกับ หลุยห์ ฟานกัล อีกครั้งในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง เขาใช้เวลาปรับตัวไม่นานนักก็ระเบิดฟอร์มเก่งเหมือนสมัยยังอยู่กับ อาแจ็กซ์ ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม แถมเล่นได้เขาขากับ ริวัลโด้ แข้งชื่อดังชาวบราซิลได้ดีอีกด้วย

ในปี 1998–99 ไคล์เวิร์ต และ ริวัลโด้ ประสานงานกันได้ดีจนพาทีม บาร์เซโลน่า คว้าแชมลีก ลาลีกา มาครองได้อีกหนึ่งสมัย แม้ในปีถัดมา บาร์เซโลน่าจะล้มเหลวในการคว้าแชมป์ลีกเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน แต่ไคลเวิร์ตจบฤดูกาลด้วยการเป็นดาวซัลโวสูงสุดของสโมสรด้วยจำนวน 15 ประตู

หน้าร้อนปี 2004 หลังบาร์เซโลนา ไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้เลย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งกุนซือ และนักเตะหลายรายถูกเปลี่ยนถ่ายออกจากสโมสร รวมถึง ไคลเวิร์ต ที่ต้องโดนปล่อยออกไปเพราะหมดสัญญา ทั้งไว้แต่สถิติอันสุดยอด อาชีพค้าแข้งที่บาร์ซ่าด้วย 124 ประตูจาก 249 นัด

ไคลเวิร์ต เข้าร่วม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดแบบไร้ค่าตัวในเดือนกรกฎาคม 2004 โดยเขาตอบคำถามกับสื่อว่า เหตุผลที่ทำไมถึงเลือกซบ ทีมระดับปานกลาง ทั้งๆที่เขาเป็นแข้งที่มีชื่อเสียงและทีมใหญ่พร้อมอ้าแขนรับกันเต็มไปหมด โดย ไคลเวิร์ต ให้สัมภาษณ์ว่า ที่เขาเลือก นิวคาสเซิ่ล เป็นเพราะมีทีมเดียวที่แสดงความสนใจเขาอย่างขัดเจนมาโดยตลอดตั้งแต่รู้ว่าเขาเข้าสัญญาฤดูกาลสุดท้ายกับ บาร์เซโลน่า และติดต่อเขาเรื่อยมา ทำให้รู้สึกว่า นิวคาสเซิ่ล ต้องการตัวเขาจริงๆนั่นเอง

ในสีเสื้อ นิวคาสเซิ่ล ไคลเวิร์ต ก็ค้าแข้งได้เพียงฤดูเดียวเท่านั้น แต่ทว่าส่วนใหญ่เขากลับได้เป็นแค่เพียงตัวสำรองของ อลัน เชียร์เรอร์ จึงทำให้เขาขอย้ายสโมสรหลังจากอยู่ได้เพียงฤดูกาลเดียว และสโมสร บาเลนเซีย เป็นสถานีต่อไปของเขา ฤดูกาลแรกเขาพา บาเลนเซีย จบที่อันดับ 3 ของลีก พาทีมเข้าแข่งขันแชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บรบกวนออดๆแอดๆทำให้ ไคลเวิร์ต ลงช่วยทีมไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากนัก ด้วยเหตุนี้จึงโดนขายออกจากทีมไป หนึ่งในเหตุผลอีกอย่างก็คือค่าเหนื่อยที่สูงโต่งจน บาเลนเซีย แทบจะรับภาระไม่ไหวนั่นเอง

หลังจากนั้น ไคลเวิร์ต ก็พเนญจร ย้ายไปอีกสองสโมสร ทั้ง พีเอสวี และลีลล์ เป็นสโมสรสุดท้ายก่อนจะแขวนสตั๊ดไปในที่สุด ในวัย 32 ปีเท่านั้น เพราะสลัดอาการเดี้ยงไม่หายขาดซักที ฝากผลงานทั้งหมดไว้ที่ ลงสนาม 343 นัด ยิงไปทั้งหมดในอาชีพ 149 ประตู




ในระดับทีมชาติ ไคลเวิร์ต ช่วยทีมจบในอันดับที่สี่ของฟุตบอลโลกปี 1998 และ ยูโร ปี 2000 จบในอันดับที่ 3 ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี่คือหนึ่งในแข้งจตุรเทพฟุตบอลยุค 90’ที่ใครๆก็ต่างยกให้เป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของ ฮอลแลนด์เลยทีเดียว

เกียรติประวัติ
อาแจ็กซ์
อีเรดิวิซี: 1994–95, 1995–96
ซูเปอร์คัพ: 1994, 1995
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 1994–95
ยูฟ่าซูเปอร์คัพ: 1995
อินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ: 1995
บาร์เซโลน่า
ลาลีกา: 1998–99
พีเอสวี
อีเรดิวิซี: 2006–07
ทีมชาติ
อันดับ 4 ฟุตบอลโลก 1998
ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนชิพอันดับสาม : 2000
ส่วนตัว
บัลลงดอร์ : 1995
นักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้น (ยูโร 2000): 2000

images credit : https://www.pinterest.com/

images credit : https://www.reddit.com/

images credit : https://www.goal.com/

images credit : https://www.pianetamilan.it/

images credit : https://www.transfermarkt.com/

images credit : https://sportmagazine.knack.be/

images credit : https://www.playmakerstats.com/